บทสัมภาษณ์ Sales ที่เข้าร่วมโครงการ "Race To Bali"
หลายคนเก็บออมเงินเพื่อไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ปีแล้วปีเล่า ก็ยังไม่ได้ไปเสียที แต่ Dream Girls กลุ่มนี้ มีทางลัดในการท่องเที่ยวแบบสวยๆ ไม่เสียเงิน แถมได้เงินอีกด้วยจ้า
ญา อุ๊ ไก่ ขวัญ สุ ลูกเกด 6 สาวยอดนักขายของ ReadyPlanet ผู้พิชิตแคมเปญ "Race To Bali" จะมาแชร์เรื่องราวสนุกๆ พร้อมสาระดีๆ ที่เหมาะสำหรับน้องๆ ที่ทำอาชีพเซลล์ หรือใฝ่ฝันอยากเป็นนักขาย แต่กลัวไปหมดทุกอย่าง ได้เปิดมุมมองใหม่กันค่ะ ติดตามบทสัมภาษณ์ "Dream Girls Race To Bali" กันเลยค่ะ :)
ช่วยเล่าที่มาของแคมเปญ Race To Bali ให้ฟังหน่อยค่ะ?
ไก่: เป็นแคมเปญที่ Google ให้การสนับสนุนแก่ Premium Partner ด้วยการจัดทริปสุดพิเศษให้แก่เซลล์ที่มียอดขาย Google AdWords สูงสุด 5 คนส่วนหัวหน้าทีมเซลล์จะดูจากยอดขายรวมของทีมสูงสุด โดยเริ่มแข่งขันตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 จนถึง เดือนมกราคม 2559 รวม 6 เดือน และผู้ชนะจะได้ร่วมเดินทางท่องเที่ยวบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน
ความรู้สึกแรกเมื่อรู้ว่ามีแคมเปญนี้เป็นอย่างไรกันคะ?
ทุกคน: ครั้งแรกที่ฟังยังไม่ค่อยตื่นเต้นมากนัก คิดว่าต้องทำยอดให้ได้ทุกเดือนอยู่แล้ว แต่พอผ่านไปครึ่งทางเริ่มคิดว่าเราน่าจะมีโอกาสได้ไป เลยเร่งสปีดมากขึ้น ถึงแม้บาหลีจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ถ้าได้ไปกับ Google จะต้องมีความพิเศษแน่นอน อีกอย่างคือ เราอยู่ในบรรยากาศที่มีแรงกระตุ้นจากหัวหน้าที่เห็นว่า ทริปนี้เป็นรางวัลพิเศษนอกเหนือจากตัวเงินที่พวกเราจะได้ไปพักผ่อนแบบ Exclusive ด้วยกัน
ขวัญ: ลองสังเกตุตรงโซนที่นั่งเซลล์ จะมีป้ายแคมเปญนี้แขวนไว้เยอะมาก อันนี้หัวหน้าลงทุนปีนแขวนเองเลย
ตลอด 4 วัน 3 คืน ที่อยู่บาหลี ได้ท่องเที่ยวอะไรกันบ้างคะ?
ญา: วันแรกของทริป เราไปถึงบาหลีช่วงเที่ยง ทานข้าวกลางวันเสร็จแล้วก็ไปสถานที่ศักดิ์สิทธื์ของศาสนาฮินดู ลักษณะคล้ายวัด ตั้งอยู่บนภูเขาและมีน้ำทะเลอยู่ด้านล่าง หลังจากนั้นพาไปดูการแสดงพื้นเมืองซึ่งเป็นจุดขายของที่นี่ ส่วนมื้อเย็น พาไปร้านอาหาร ก่อนเข้าร้าน ทีมงานให้แต่งตัวชุดพื้นเมืองเป็นแบบผ้าถุงได้ถ่ายรูปกันสนุกสนาน
อุ๊: วันที่สองเราตื่นกันตั้งแต่เช้า เพื่อไปร่วมกิจกรรม Team Building กระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่มาจากหลากหลายประเทศในทวีปเอเชีย-แปซิฟิก กว่า 200 คน เป็นกิจกรรมกลางแจ้ง กีฬาทางน้ำ ซึ่งเหมาะกับอากาศร้อนๆ มาก อุ๊กับพี่ญา เล่นทุกอย่างจนหมดเวลา กลับมายังไม่หายดำเลย (ฮา)
ญา: มื้อเย็นเราทานกันที่โรงแรม เป็น International Buffet อาหารมีหลากหลายประเภท และขนมหวานอร่อยมาก ทานกัน ลืมอ้วน แต่ก็แอบคิดถึงส้มตำบ้านเรานะ
ไก่: วันที่สาม เป็นทริปพิเศษมาก ทาง Google จัดรถจี๊ปกว่า 40 คัน พาพวกเราไปเยี่ยมชมหมู่บ้านพื้นเมือง มีการแสดงพื้นบ้าน โชว์ศิลปะวาดภาพด้วยดิน
ญา: เท่าที่สังเกตุนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ จะไม่ได้ลงไปถึงจุดนี้นะ สำหรับเราถือว่า Google จัดให้เป็นพิเศษจริงๆ แม้อากาศจะร้อน แต่ก็ประทับใจมาก
ขวัญ: จบกิจกรรม Adventure ทีมก็งานพาเราไปทานน้ำชาและมีขนมชิ้นเล็กๆ จัดเป็นชุด รสชาติอร่อยดี
อุ๊: ตอนแรกเห็นเป็นชิ้นเล็ก คิดว่าจะไม่อิ่ม แต่ขนมมีหลากหลาย พอช่วงเย็นมี Gala Exclusive Dinner จัดที่ริมสระ Nicky Beach งานสนุกมีสีสัน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ จากประเทศอื่น ทำให้รู้เลยว่าภาษาอังกฤษสำคัญจริงๆ เราคุยกับเพื่อนต่างชาติจนเมื่อยมือ (ฮา)
สุ: วันสุดท้าย เป็นวันเดียวที่เราได้เสียเงินจากการซื้อของฝากเพื่อนๆ เพราะตลอดทริปนี้ไม่ได้ใช้เงินอะไรเลย
ลูกเกด: จริงๆ ไม่เอาเงินไปก็ได้นะ (ฮา) เป็นการเที่ยวที่ฟรีตลอด 4 วัน 3 คืน
ฟังดูแล้ว เป็นทริปที่ได้เที่ยวเยอะมาก แต่ละคนมีความประทับใจอะไรจากทริปพิเศษ Race To Bali บ้างคะ?
อุ๊: จริงๆ ประทับใจหลายอย่าง แต่ที่ชอบเป็นพิเศษ คือ กาแฟ รสชาติดีและมีเสิร์ฟตลอดเวลา กินฟรีไม่เสียเงิน ชีวิตดี (ฮา)
สุ: ทริปนี้สนุกมาก ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และได้เรียนรู้การใใช้ชีวิตของคนต่างชาติต่างภาษาด้วย
ขวัญ: ประทับใจเจ้าหน้าที่จาก Google ดูแลพวกเราดีมาก และยังแจกของที่ระลึกเซอร์ไพรส์ทุกวัน เช่น หมวก ผ้าบาหลี เสื้อ พัด ซึ่งของที่ระลึกเหล่านี้จะเชื่อมโยงกับสถานที่ที่ Google พาไปเที่ยวไม่ซ้ำกัน
ญา: ที่ชอบที่สุด คือ ห้องพักที่โรงแรม Sofitel Bali Nusa Dua Beach Resort ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว โดย Google จัดให้นอนห้องละ 1 คน ตอนแรกกลัวเหงา อยากนอนห้องเดียวกับเพื่อน แต่พอเห็นห้องพักแล้ว Exclusive มากๆ ห้องใหญ่มาก วิวสระว่ายน้ำ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม สรุปต่างคนต่างนอน ฟินมากกก
ขวัญ: ห้องน้ำใหญ่กว่าห้องนอนเราที่เมืองไทยอีก (ฮา)
ไก่: ก่อนไปเรารู้สึกเฉยๆ แต่พอได้ไปจริงแล้วรู้สึกเลยว่าเราเป็นแขกคนสำคัญ ถ้าซื้อทัวร์ไปเองคงไม่ได้รับการดูแลดีมากเท่านี้ อีกอย่างคือ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนต่างชาติ เสียดายที่ได้คุยกันช่วงวันหลังๆ แล้ว
ลูกเกด: ชอบทุกอย่างเลย เป็นทริปที่สเปเชียลมากจริงๆ ถ้าเราไปเองคงไม่พิเศษได้ขนาดนี้
แชร์เคล็ดลับการเป็นเซลล์ที่ดีให้กับน้องๆ ที่มีความสนใจงานเซลล์หน่อยค่ะ?
อุ๊: อย่างแรกเลย เราต้องเชื่อในคุณภาพสินค้าและบริการของเรา ว่าเป็นสิ่งที่จะทำประโยชน์ในกับธุรกิจของลูกค้าได้จริง ซึ่งจะส่งผลให้เรานำเสนอสินค้าได้อย่างเต็มที่ และไม่คิดว่าเรากำลังยัดเยียดสิ่งที่ไม่ดีให้ลูกค้า
ญา: พี่มองว่าการเป็นเซลล์จะต้องมีความขยัน อยากพัฒนาความรู้ตัวเองตลอดเวลา มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะมีรายได้มากๆ ไปเพื่ออะไร แล้วสิ่งดีๆ จะตามมาเอง
ขวัญ: ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจน อย่างการแข่งขันแคมเปญต่างๆ ถือเป็นแรงกระตุ้นอย่างหนึ่งให้เรามีความมุ่งมั่น ไม่ท้อถอย ไม่ใช่ทำงานให้ผ่านไปวันๆ หนึ่ง
สุ: สุเน้นที่ความตั้งใจ และพยายามทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน ไม่ได้เน้นเฉพาะช่วงใกล้ปิดยอด แต่เราต้องวางแผนให้ดีด้วย
ลูกเกด: เราต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่ รู้ว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร และทำให้เต็มที่ที่สุด
ไก่: งานทุกอย่างคือความท้าทาย ไก่มักจะแข่งกับตัวเองมากกว่า สิ่งที่เราได้ไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่เป็นกำไรชีวิตด้วย อย่างการได้ไปเที่ยวกับ Google ก็เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันว่าวันหนึ่งเราจะได้ร่วมเดินทางกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกออนไลน์ ถ้าวันนี้เราทำได้ จะเป็นการพิสูจน์ความสามารถเราอีกระดับหนึ่ง
น้องๆ หลายคนกลัวการเป็นเทเลเซลล์ พวกเราคิดว่าการทำงานเทเลเซลล์ที่ ReadyPlanet เป็นอย่างไรบ้างคะ?
อุ๊: เซลล์หลายคนคิดว่า การได้เจอลูกค้าจะทำให้ปิดการขายได้ง่ายกว่า อุ๊เคยเป็นเซลล์แบบที่ต้องไปพบลูกค้าข้างนอก ใน 1 วัน เราจะนัดได้แค่ 2-3 ราย เสียค่าเดินทางเยอะ และอาจจะปิดการขายไม่ได้ด้วย แต่การเป็นเทเลเซลล์ เรายังคงให้ข้อมูลลูกค้าได้ชัดเจน โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ทำให้สามารถติดต่อได้วันละ 40-50 ราย วางแผนการทำงานง่ายขึ้น ที่สำคัญ สินค้าและบริการของ ReadyPlanet เป็นเทรนด์ของการทำการ ตลาดออนไลน์ ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจในปัจจุบัน ผู้ประกอบการให้ความสนใจมากขึ้น ประกอบกับเรามีบริการหลังการขายที่ดี จึงไม่ต้องกังวลอะไรเลย
ขวัญ: ก่อนหน้านี้ขวัญเคยทำ Call Center ที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นการโทรหาลูกค้าเพื่อขอข้อมูลเบื้องต้น แล้วจะมีเซลล์ปิดการขายอีกครั้ง รูปแบบการทำงานและผลตอบแทนต่างกัน บางงานถ้าทำไม่ครบก็ไม่ได้เงิน แต่การทำงานที่ ReadyPlanet ยิ่งเราพัฒนาเร็วและทำยอดได้มากเท่าไหร่ ผลตอบแทนก็เป็นไปตามที่คาดหวัง นอกจากนี้ยังได้พัฒนาทักษะตนเองตามสถานการณ์ที่เจอด้วย
ให้ไก่เป็นตัวแทน ช่วยแนะนำน้องๆ ที่คิดว่า "เซลล์" เป็นอาชีพที่ยากและมีความกดดันมาก?
ไก่: ทุกอาชีพมีความกดดันแตกต่างกันไป อาชีพเซลล์เป็นงานที่ท้าทาย ขึ้นอยู่กับยอดขายของแต่ละคน ซึ่งเกิดจากการกำหนดรายได้ของเราเอง อยากแนะนำให้น้องๆ พยายามปรับที่ตนเองก่อน เพราะเราไม่สามารถปรับสภาพแวดล้อมหรือระบบงานให้เป็นไปอย่างที่ต้องการได้ทั้งหมด เราควรถามตัวเองว่ามีสิ่งไหนที่ต้องปรับปรุง หรือ ปรึกษาหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด
ถึงแม้จะจบทริปการเดินทางแสนพิเศษไปแล้ว แต่เราเชื่อว่าเป้าหมายของ 6 สาว คงไม่จบง่ายๆ แน่ ยังมีความสนุกและท้าทายรออยู่อีกมากในเส้นทาง "งานขาย" ผู้เขียนหวังว่าบทสัมภาษณ์นี้ จะสามารถเพิ่มพลังและจุดไฟการเป็นนักขายของเพื่อนๆ ได้บ้างนะคะ พบกันทริปหน้า (แว่วมาว่าเป็นทริปนิวซีแลนด์) รับรองว่าอรรถรสไม่แพ้ทริปนี้แน่นอนค่ะ :)